Tag: DataRockie

  • 10 Ideas from Data Science Bootcamp batch 11 Live 01 ที่นอกจากสอน data แล้ว ยังสอนวิธีการเรียนรู้ที่ดีทำให้เปลี่ยน Mindset ให้ดีขึ้นได้ด้วย

    10 Ideas from Data Science Bootcamp batch 11 Live 01 ที่นอกจากสอน data แล้ว ยังสอนวิธีการเรียนรู้ที่ดีทำให้เปลี่ยน Mindset ให้ดีขึ้นได้ด้วย

    Teached by Kasidis Satangmongkol (DataRockie Owner).

    ✅✅✅การที่มีโอกาสลงเรียน Data Science Bootcamp batch 11 ทำได้รับ mindset ใหม่ๆ ที่ช่วยให้เรามีความมุ่งมั่นเพื่อให้ทำสิ่งต่างๆ สำเร็จ (manifestation) มี W3Schools ให้ศึกษาหาความรู้ดีๆ ได้ตลอดเวลา ขอบคุณสำหรับโอกาสในการเรียนรู้ครับ แอดทอย 😘😘😘


    Table of Content

    1. General Bootcamp
    2. W3Schools Academy
    3. Language Skills
    4. Education
      1. How to Learn
      2. Good Learn
      3. Good Mindset
      4. Research skills
    5. Our Curriculum
      1. Curriculum
      2. Plan Study with Sprint and Agile
      3. Plan for learning
      4. Learning Journey
    6. Class Support
    7. Rule of Bootcamp
      1. Rule No. 1 Skills in combination are more powerful than individual skills.
      2. Rule No. 2 Never beyond 80%
    8. Define Data Analyst, Data Scientist, Data Engineer
      1. Data Analyst in bootcamp
    9. Model 4 M Limitless
    10. Build Your Presence Online
      1. Important things for applying for work

    General Bootcamp

    • อธิบายการเรียน bootcamp เบื้องต้น
    • โรงเรียนนี้พยายามจะเปลี่ยนจาก video based เป็น text-based ประมาณ 30% :ซึ่งทำให้สะดวกต่อการเรียนรู้ (No AI help)
    • ปัจจุบันคนเราสามารถเขียนภาษาได้เข้าใจง่ายกว่า AI เขียน ขนลุก 😍😍😍

    W3Schools Academy

    สำหรับการเรียน Data หรือ Coding ถ้าจะไม่พูดถึง W3Schools ก็ไม่ได้ เนื่องจากเป็นแหล่งเรียนรู้ที่คนยอมรับและนิยมเข้าไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม หากเราไม่รู้จัก Function ของโปรแกรม R, SQL, Python ในการเขียนโปรแกรมก็สามารถเข้าไปหาอ่านได้ใน W3school ผู้เรียนจะมีโอกาสได้ทดลองเขียนโปรแกรมตามคำแนะนำ พร้อมคำอธิบายละเอียดเมื่อเกิดข้อผิดพลาด ทำให้เข้าใจเนื้อหาได้ง่าย❤️❤️❤️แต่การเรียน Data Science Bootcamp batch 11 สามารถมีโอกาสสอบ W3School

    Website : https://www.w3schools.com/

    W3School

    Highlight of this class : ได้เรียนเนื้อหา W3School ทำ partnership ด้วยกัน


    Language Skills

    • Language Skills มีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นเครื่องมือหลักในการสื่อสาร สร้างความเข้าใจระหว่างบุคคล และเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนรู้ โดยเฉพาะ Skill Writing และ Reading
    Language SkillsWords per minute
    Reading200-250
    Speaking120-150
    Listening40-60
    Writing120-150

    คนเขียนจะใช้เวลานาน แต่อ่านจะใช้เวลาเร็วดังนั้น Writing and Reading is Metaskill


    5 books recommend this course

    5 Books Recommend

    These books can be ordered on Amazon.

    BookAuthorSkillDefinition
    How to be better at (almost everything)Pat FlynnSkillsPat Flynn is generalist can a lot of create music, fitness, write a book, do business and create content
    Naked StatisticsCharles WheelanRationaleCharles wheelan is economist but can write statistic to make another people understand
    Think like A FreakStephen J. Dubner and Steven LevittThinkinghow to ask question
    Business Made SimpleDonald millerBusinessto create write and business
    It doesn’t have to be crazy at workDavid Heinemeier Hansson and Jason FriedWorkhow to work from basecamp company

    to understand statistic you must read english book.


    Education

    1. คนทำ Data จะรู้เรื่องเดียวไม่ได้ จำเป็นต้องรู้หลายเรื่องเช่น business, marketing เพื่อที่จะขึ้นตำแหน่งได้เรื่อยๆ
    2. การเรียนรู้เป็นสิ่งที่ไม่มีวันสิ้นสุด และสามารถเก่งขึ้นได้เรื่อยๆ

    How to Learn

    • วิชาที่ทุกคนจะได้เรียน ทุกคนไม่ต้องเลือกเพราะ “แอดทอยเลือกให้หมดแล้ว
    • สิ่งที่เปลี่ยนแอดทอยได้คือ mindset ที่จะทำเพื่อพ่อ แม่ คือความขยัน
    • ดังนั้นคนเราควรพยายามคิดแบบ deep thinking ให้เยอะ เพื่อเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดในอนาคตได้
    Class Day to learn
    Main ClassSaturday
    Support ClassSunday
    On demand ClassWeekday

    Good Learn

    1. Good sleep
    2. Good Food
    3. Good Exercise
    4. Drink a lot of water

    Good Mindset

    1. ไม่ควรอ่านหนังสือบนเตียงนอนเพราะไม่งั้นจะง่วงนอน
    2. คนรู้ว่าจะเรียนแล้วจะดี แต่คนมักไม่ยอมเรียน 555
    3. สิ่งที่แรกที่ควรทำตอนเช้า อ่านหนังสือ อ่านบทความ ออกกำลังกาย take course เขียน content
    One Hour Focus
    • ควรเรียน 1 ชมไปเลย ดีกว่าการแบ่งทีละ 15 นาที 4 ครั้ง
    • ต้องพยายามอย่าโดน Disrupt ในการเรียน

    Research skills

    Research Skills
    • Method Research สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเอง Research ข้อมูลและเขียนขึ้นมา
    • Solving Problem Yourself

    Skill

    1. Google is your friend
    2. แต่หาใน google ไม่เจอสามารถมาถามใน discord ได้
    3. Answer are already in the internet

    ทักษะการ search เป็นทักษะที่สำคัญมากในการเรียนรู้ได้ตัวเอง


    Our Curriculum

    Curriculum

    Our Curriculum
    • รุ่นแรกๆ มีนักเรียน 200-300 คนแล้วเรียนผ่าน notion
    • ทุกสัปดาห์นักเรียนจะได้สกิลใหม่ๆ เพื่อพัฒนาไปเรื่อยๆ ทีละสัปดาห์เป็น Sprint
    • การเรียนแบบเป็น Agile จะช่วยจับจังหวะการเรียนรู้ได้ดี การทำงานที่รวดเร็วว่องไว เน้นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าขั้นตอน เช่น 1.Week 1 เรียน Welcome to The Course bootcamp 2.Week 2 เรียน Build a second brain ทบทวน Week 1

    การทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะช่วยให้สามารถจำเนื้อหาและประยุกต์การใช้ทำงานจริงได้


    Plan Study with Sprint and Agile

    1. You must break step of learning into Sprint.
    2. มนุษย์เราสามารถจัดการเรียนในแต่ละสัปดาห์ๆ เพิ่มให้เราเก่งขึ้น Skill ละ 1 week
    3. Agile จะเป็นการเรียนรู้จากเมื่อวานที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
    Sprint and Agile

    This school create product that is yourself can design by add skill to have add value.


    Plan for learning

    Study Timeline
    • โดยอาจจะมีกิจกรรมดีๆ เพิ่มเวลาเรียนจากสิ้นสุดเดือนพฤษภาคมเป็นเดือนมิถุนายน
    Break down your goal

    ถ้าแบ่งเวลาวันละ 40-60 นาทีก็สามารถเรียนจบได้เลย ถ้าเราเรียนรู้ทุกวัน


    Learning Journey

    Our Learning Journey

    Learning path

    1. ไม่เรียนข้าม sprint
    2. เรียน on-demand ก่อนเข้า
    3. ทำการบ้าน
    4. ทบทวนบทเรียนและ take note
    MonthLearning Path
    Jan 2025Spreadsheets + Databases
    Feb 2025Programming +Data Transformation
    March 2025Statistics + Business Analytics + ML
    Apr 2025Python + Dashboard

    Class Support

    1. มักจะมี class เสริมในวันอาทิตย์โดยส่วนใหญ่
    2. class เสริมจะช่วยให้นักเรียนได้รู้เกี่ยวกับความรู้อื่นๆที่มีประโยชน์ Data Scientist, Data Engineer, Business Analyst
    Class Support

    Rule of Bootcamp

    Rule No. 1 Skills in combination are more powerful than individual skills.

    รู้เนื้อหากว้างในทุกด้านให้มากกว่าค่าเฉลี่ย แต่ไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุดทุกเรื่อง

    Rule No. 1
    • Pat Flynn is generalist can a lot of create music, fitness, write a book, do business and create content.
    • ต้องวิ่งและเล่นกล้ามพร้อมกัน ดีกว่าเลือกทำอย่างใดอย่างนึงมากกว่า เช่น วิ่งอย่างเดียว
    Mental of this school

    Generalist > Specialist


    Rule No. 2 Never beyond 80%

    Diminishing Return

    Diminishing Returns เป็นหนึ่งในกฎเชิงเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเราเรียกกันว่า กฎแห่งผลตอบแทนที่ลดลง (Law of Diminishing)

    Diminishing Returns Case

    1. หากทำได้ 80% แล้วควรไปเรียนวิชาอื่นต่อดีกว่า
    2. อยากกินพิซซ่ามาก พอกินชิ้นแรกอร่อยมาก แต่กินชิ้นที่ 7-8 เริ่มอิ่มแล้วไม่คุ้มที่จะกินแล้ว
    3. ถ้าเรียนไปแล้ว 1 ชม แล้วได้ผลตอบแทนไม่คุ้มกับที่เรียน ควรที่จะไปเรียนวิชาอื่นเลย

    ทรัพยากรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตมนุษย์คือเวลา


    Define Data Analyst, Data Scientist, Data Engineer

    1. คนเราเป็น data anlyst อยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับแต่ละคนมี Skill ในตัวเองกี่ %
    2. คนทั่วไป 10% แอดทอยอาจจะเป็น 70% แต่ขอให้เองกว่าคนทั่วไป
    3. น้องชายแอดทอยเป็นนักกฎหมายใช้ Data analyst แบบใช้ unstructure data
    TypeDefinitionSkill
    Structured Dataข้อมูลที่จัดระเบียบSpreadsheet , Table
    Unstructured Dataข้อมูลที่ไม่มีรูปแบบImage , Texts
    Semi-structured Dataข้อมูลที่มีโครงสร้างบางส่วนEmails
    Data Analyst
    JobDefinitionTool
    Data Analystวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่เพื่อหา Insight ในการตัดสินใจทางธุรกิจSpreadsheets+SQL+
    Dashboard
    Data Scientistสร้างแบบจำลองทางสถิติ เพื่อทำนายผลลัพธ์หรือค้นหา PatternPython+Statistics+ML
    Data Engineerสร้างและบำรุงรักษาระบบโครงสร้างพื้นฐานของข้อมูล เพื่อให้ข้อมูลพร้อมใช้งานSoftware+Cloud+
    Java/Scala
    Data Analyst vs Data Scientist vs Data Engineer

    Data Analyst in bootcamp

    1. Data Analyst is Essential Skill not sexy skills
    2. Skill ด้านล่างคือสิ่งโรงเรียน bootcamp จะได้เรียนทั้งหมด
    Data Analyst in bootcamp

    Model 4 M Limitless

    Jim Kwik, author of Limitless

    Limitless
    Model 4 MDefinitionSample
    Mindsetความเชื่อและมุมมองที่ส่งผลต่อวิธีการคิดและการตัดสินใจ ควรมีแนวคิดที่ยืดหยุ่นและพร้อมพัฒนาI live, I learn, and I repeat the cycle.
    Motivationแรงผลักดันที่ช่วยให้เราเริ่มต้นและมุ่งมั่นในการทำสิ่งต่างๆLearning new skills enhances one’s quality of life.
    Methodแผนและกระบวนการที่ใช้ในการบรรลุเป้าหมาย ควรมีวิธีการที่เป็นระบบWake up early, then study, then write, and then share what you learn.
    Momentumการทำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเพื่อสร้างนิสัยdo it every day
    1. เราสามารถทำอะไรก็ได้ ไปทุกวันจนกลายเป็น momentum ได้ง่าย
    2. ทำให้การเข้า live วันเสาร์เป็นเรื่องธรรมดา เพื่อที่จะสามารถเรียนรู้ไปเรื่อยๆ
    3. ต้องพูดภาษาอังกฤษได้

    Build Your Presence Online

    ต้องมี LinkedIn ไว้เพื่อสมัครงาน

    ใช้ Dataset สำหรับทดลองสร้าง project ของตัวเอง :

    Build Your Presence Online
    Type of PortDefinition
    Portfolioผลงานที่สิ่งที่เราอยากจะนำเสนอให้โลกได้เข้าใจ หรือนำเสนอการวิเคราะห์ข้อมูลให้บริษัทที่เราจะไปสัมภาษณ์ได้เข้าใจว่าเราทำอะไรเป็นบ้าง
    Githubเว็บไซต์สำหรับเขียน code
    Websiteสร้างเว็บไซต์ของตัวเอง เช่น WordPress
    Blogsเขียน Blogs เช่น Medium

    Important things for applying for work

    1. แล้วเขียน content ให้คนดูเยอะๆ ถึงจะมีโอกาสได้งานเยอะขึ้น
    2. โรงเรียนนี้ เน้นการสร้าง project ขึ้นมาเพื่อแสดงว่าเราทำงานได้จริง
    3. การบ้านเป็นสิ่งที่ทุกคนได้ทำแล้วได้เน้นในการลงมือทำ
    4. ถ้าเป็นเด็กจบใหม่ แค่มี portfolio ก็มีโอกาสได้งานแล้ว
    5. ต้องมี linkedIn ไว้เพื่อสมัครงาน

    เรียนจบอะไรไม่สำคัญ สำคัญที่ปัจจุบันมี manifestation เพื่อที่จะเก่งขึ้นก็พอ


    บทความนี้จัดทำขึ้นโดยหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านในด้าน Mindset และ Data เพื่อให้ได้รับความรู้และไอเดียที่นำไปปรับใช้ได้

    https://data-science-bootcamp1.teachable.com/p/data-science-bootcamp-11


  • 20 Writing 101 – A Tool for Thinking การเขียนสามารถเปลี่ยนชีวิตให้เราได้

    20 Writing 101 – A Tool for Thinking การเขียนสามารถเปลี่ยนชีวิตให้เราได้

    • การเขียนจะเป็น Skill ที่สำคัญในอนาคตเนื่องจากคนเราต้องฟังข่าว อ่านหนังสือ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดและความเห็นอยู่ตลอดเวลา แต่หากต้องการที่มีความจำในด้าน Skill ฟัง พูด และอ่านได้ จะต้องได้มี Skill การเขียนเพื่อตกผลึกทางความคิดครับ 😊😊😊

    Table of content

    1. Core Skill for Writing
    2. Knowledge
    3. Writing is Thinking
    4. The Values of Writing
    5. Writing Gives You Free Traffic
    6. One-Person Business
    7. AI is Boring
    8. AI for writing
    9. Where Ideas Come From
    10. Creative Process
    11. Suddenly Talented
    12. Real Until You Love to Read
    13. Second Brain
    14. Essay Writing
    15. Where to Write
    16. Why Writing Helps Your SEO?
    17. 10 Ways to Improve Your Writing Today
    18. Four Eternal Markets
    19. Start Today With Recommended Reading and Writing
    20. My Personal Workflow

    Core Skill for Writing

    • การเขียนเป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญของยุคนี้
    • คนเราจำเป็นต้องมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อที่จะพัฒนาแนวคิดที่หลากหลายมากขึ้น

    สามารถหาไอเดียการเขียนที่ดีได้จากการอ่านและตกผลึกทางความคิด

    Writing is core skill.

    Knowledge

    knowledge is conversational .

    ยิ่งคนเราแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันมากเท่าไร ยิ่งได้ความรู้มากขึ้นเท่านั้น
    • การที่มี Community ที่สามารถ share ความรู้ บทความ หนังสือ และคอร์สเรียนออนไลน์ จะทำให้มีไอเดียที่ดีและมีประโยชน์มากยิ่งขึ้น
    knowledge is conversational.

    Writing is Thinking

    • การเขียนจะช่วยใช้เราคิดได้ดีขึ้น เพราะสามารถช่วยสื่อสารไอเดียผ่านข้อความได้ดีขึ้น
    • การเขียนจะช่วยให้สร้างความเฉียบคมในการอ่าน เพราะต้องคิดข้อความก่อนเขียน
    • การอ่านจะสามารถช่วยให้ความคิดคนเราเฉียบคมได้เยอะขึ้น

    Read ———> Write ———> Take Action

    Writing and Reading คือ Skill พื้นฐานที่ช่วยให้เราอยู่รอดในยุคถัดไปได้เลย


    The Values of Writing

    • การเขียนช่วยให้เรา focus การทำงานได้ดีขึ้น
    • เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ เข้าใจได้ง่ายขึ้น (เรียน —> เขียน —> แชร์)
    • คนเราควรเปลี่ยน mode จาก consumer กลายเป็น creator เพิ่มขึ้น
    • การเขียนคือการส่งต่อความรู้ teaching —> forces —> learning
    • การเขียนทำให้เราตกผลึกความคิดตัวเอง เป็น spiritual practice รูปแบบหนึ่ง

    impact เราเขียนเพื่อส่งต่อไอเดีย สร้างการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม

    Values of Writing

    Writing Gives You Free Traffic

    • การเขียนและการคิดก็เปรียบเสมือนการสร้างเส้นทาง Traffic
    • การเขียน content เพื่อให้คนสามารถเข้าถึง website ของเราได้ทุกเดือน หรือสามารถดึงดูดและสร้าง audience บน social media เติบโตแบบ organic ไม่ต้องใช้เงินสักบาท

    Search Engine Optimization

    การเขียนเนื้อหา ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและสินค้าขึ้นมาใหม่ ลงบนเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้แสดงอันดับต้นๆ ในหน้า Search Google โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย การที่จะทำให้เว็บไซต์ติดหน้าค้นหานั้นขึ้นอยู่กับ Keyword

    ทักษะการเขียนคือ Leverage (พลัง) ที่สำคัญมากๆในโลกยุคนี้ ยิ่งเราเขียนเก่งเท่าไหร่ เรายิ่ง attract คนอื่นได้มากขึ้นเท่านั้น ใช้ AI เขียน ก็สู้เราเขียนเองไม่ได้ ถ้าเราฝึกฝนตัวเองทุกวัน


    One-Person Business

    • คำสอนในสาย One-Person Business คือ จงสร้าง “Traffic” ก่อน แล้วค่อยสร้างทุกอย่างหลังจากนั้น หมายถึงการจะทำธุรกิจให้รอด จำเป็นต้องมี Traffic ก่อนมี Product & Service
    • ตัวอย่างของแบรนด์ที่มี product ดี แต่ธุรกิจไปไม่รอด มีให้เห็นทุกวัน ถ้ามีของดี แต่คนไม่รู้จักก็จบเลย (awareness problem) ถ้าลูกค้าไม่เคยเห็น แปลว่า “brand เราไม่มีอยู่จริง”

    หลายธุรกิจไป “ไม่รอด” เพราะมัวแต่สร้างแต่ product ไม่สนใจ traffic ใดๆ

    product must good.

    AI is Boring

    • งานส่วนใหญ่ที่ AI ช่วยทำได้ดีงานประเภท Summarize ข้อมูล , Translate ข้อมูล , การเขียนสรุป PDF สรุปวีดีโอ YouTube แบบเร็วๆ ช่วย Brainstorm Ideas ใหม่ๆ หาข้อมูล Research Topics มาใช้เป็น reference งานเขียน
    • AI ณ เวลานี้สามารถสรุปแทนได้ แต่ยังไม่สามารถเขียนแทนทั้งหมดได้เพราะยังขาดความเป็นเอกลักษณ์ในการเขียนแบบภาษาของแต่ละคนอยู่

    AI เหมาะกับงานที่เน้น Quantity แต่ไม่ใช่ Quality “ความเร็วควรถูกใช้เวลาที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น” – Sean D’Souza


    AI for writing

    • Generative AI ที่สร้างสามารถช่วยเขียนและสร้างรูปภาพ
    • Language Model เป็น Model ที่สามารถ Predict คำสั่งได้ ที่มีประโยชน์ที่สุดในโลก เช่น Chatgpt , Gemini , Claude, Co-pilot, Perplexity
    Model AI
    • เราจะต้องสร้างผลงานขึ้นด้วยตัวเอง โดยให้ AI เป็นแค่ผู้ช่วยเท่านั้น
    • AI จะช่วยยกระดับคนไม่เขียนไม่เก่งขึ้นมาเก่ง แต่สุดท้ายทุกคนควรฝึกเพื่อสร้างภาษาของตัวเอง
    • นักเขียนระดับโลก ส่วนใหญ่มักเขียนได้ด้วยตัวเอง

    คนเราควรจะมีหลาย Skill ด้วยตัวเอง ไม่ควรพึ่ง AI มากจนเกินไป


    Where Ideas Come From

    • ไอเดียส่วนใหญ่มักจากการอ่านหนังสือ 2 ร้าน Kinokuniya กับ Asiabook
    • หนังสือที่ได้ควรอ่านให้ช้าลงเพื่อจะสามารถอ่านแบบเข้าใจ และหยุดอ่านเพื่อมาเขียนตกผลึกทางความคิดอีกที และสามารถสร้างไอเดียดีๆได้ด้วย
    • ประสบการณ์ที่เจอคนเยอะๆก็ช่วยให้เราเก่งขึ้น และประสบการณ์จากหนังสือคนเขียนที่เก่งโดยได้ประสบการณ์ 10 ปี – 20 ปีย่อยความรู้มาอยู่ในหนังสือเล่มเดียว

    Youtube เปรียบเสมือนมหาลัยที่สามารถไปหาความรู้ดีๆได้หากเลือก Channel ที่มีประโยชน์

    Where Ideas Come From

    Creative Process

    • Creative Process คือการสรุปความข้อมูลเพื่อสร้างข้อมูลในรูปแบบใหม่ๆขึ้นมา
    • มาจาก หนังสือ Second Brain ของ Tiago Forte
    • Second Brain เป็น Application ที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลทั้งแบบ Analog และ Digital
    TypeDefinition
    Analogการบันทึกข้อมูลด้วยมือ เช่น Note
    Digitalการบันทึกของผ่านอุปกรณ์เทคโนโลยี เช่น Notion, Obsidian and Evernote

    CODE Step การสรุปข้อความไปจนถึงการแชร์ข้อมูลต่อ

    ProcessDefinition
    Captureเริ่มจากการเก็บข้อมูลมาก่อน
    Organizeเริ่มการจัดเรียงข้อมูล
    Distillย่อยข้อมูลออกเป็นภาษาตัวเอง
    Expressต้องแชร์ผลงานที่ดีให้คนอื่นรับรู้

    Copy and Paste ไม่เป็นการ Distill เพราะเป็น Plagiarism เลียนแบบผลงานคนอื่น


    Suddenly Talented

    แหล่งอ้างอิง : Kasidis SatangmongkolSuddenly Talented วิธีพัฒนาตัวเองแบบเก่งปุบปับด้วย ECS Frame…

    ถ้าคนเราอยากจะประสบความสำเร็จในด้านใดด้านหนึ่ง จำเป็นต้องเก่งกว่าค่าเฉลี่ยในหลายๆด้าน แต่ไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด (Generalist)

    • บทความนี้จัดอยู่ในหมวด long form มีกระบวนการเขียนดังนี้
    TimeProcess
    20 hourscapture + organize
    10 hoursdistill + express final

    Real Until You Love to Read

    Read what you love, until you love to read – Naval นักทวีต นักลงทุน Start up

    Foundation Skill : https://www.eef.or.th/article-neet-foundation-skill

    • Foundation Skill เป็น Skill ที่ให้เราสามารถเป็นอะไรในอนาคตก็ได้
    • โดยเฉลี่ยมนุษย์เราสามารถอ่านได้ เร็วกว่า การฟังด้วย
    • ถ้าอยากฝึกอ่าน ควรอ่านเรื่องที่ชอบวันละ 30-60 นาที
    โดยเฉลี่ยมนุษย์เราสามารถอ่านได้ เร็วกว่า การฟังด้วย
    Technique
    1. หยิบหนังสือที่ชอบ
    2. อ่านหนังสือทุกวัน
    3. สรุปแล้วแชร์

    ควรอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ ซื้อใน Kindle เนื่องจากสามารถเข้าใจความรู้ได้เร็วกว่าการรอแปล ทำให้ได้ความรู้ที่สดใหม่กว่า

    • ประเภทหนังสือ
      • Paperback เสียสายตาน้อยกว่า เรียบง่าย
      • Ebook พกพาไปได้ทุกที่ ไม่ต้องกลัวยับ

    Second Brain

    • Forgetting curve คือ เวลาทำอะไรซักอย่าง ถ้าไม่จดเอาไว้จะลืมได้ง่ายมาก
    • ถ้าเรารู้จักจดไปเรื่อยๆ 5-10 ปีข้างหน้า จะสร้าง THE COMPOUND EFFECT

    THE COMPOUND EFFECT สะสมความรู้ไปเรื่อยๆ สร้างความสำเร็จให้ทวีคูณ

    Second Brain

    ต้องพยายามจด Note ลงใน Second Brain เพื่อช่วยจำได้มากขึ้น


    Essay Writing

    TypeDefinition
    Short Formเขียนบน Social media เพื่อสรุปย่อเล็กน้อย
    Long Formเขียนบท Website เพื่อให้คนอ่านบทความ 10-15 นาที

    การเขียนและอ่านเพื่อตกผลึก จะทำให้สามารถจดจำดีขึ้นกว่าการอ่านหนังสืออย่างเดียว

    • Bloom’s Taxonomy เป็น framework สำหรับการเรียนและสร้างองค์ความรู้ใหม่ มี 6 ขั้นตอน

    เรียนรู้ที่สำคัญมีอยู่ 3 เทคนิค คือ Analyze, Evaluate, Create

    วิธีการเขียนที่ถูกต้องคือการเขียนแบบ paraphrase เป็นภาษาของตัวเอง และมีการอ้างอิงที่ถูกต้อง


    Where to Write

    TypeDefinition
    Social Mediaเขียน Short form สรุปเป็นข้อๆ อ่านจบ ภายใน 1-2 นาที
    Websiteเขียน Long form อ่านจบ 10-15 นาที
    • สามารถแบ่งการเขียนได้เป็น 3 ส่วน Introduction, Body and Summary
    • website ขอแค่ทำถูกตามกฎ google search ก็สามารถอยู่นานได้เพราะมี market share 90 กว่า%

    google search ถ้าเว็บไซต์ดี มี Content ดีก็สามารถทำให้ website เลื่อนลำดับดี แล้วไปเจอใน google search ได้ง่ายขึ้น

    Google Search

    Why Writing Helps Your SEO?

    • SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization คือการปรับปรุงเนื้อหาบนหน้าบล็อกให้ดีขึ้น โดยที่เราเขียนให้มีอันดับที่ดีขึ้น ถ้าอยู่อันดับ 1-3 ในหน้าแรกของ Google Search Results โดยไม่นับ Sponsored

    core principles ของการทำ SEO คือการสร้าง content ที่ดี ทักษะการเขียนจึงสำคัญมากๆ

    Search Engine Optimization

    ยิ่งเราเขียนเก่งขึ้นเท่าไหร่ website ของเรายิ่งไต่อันดับได้ดีขึ้นเท่านั้น

    • เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ เขียนแบบ Long-Form
    • เลือก keyword ให้เหมาะสม เป็นเรื่องที่เราสนใจจริงๆ และมีคนรออ่านสิ่งนั้นอยู่
    • ส่วนปัจจัยอื่นๆ เช่น web โหลดเร็ว รูปสวย โหลดไว อันนี้ optimize ได้ไม่ยาก อย่างเว็บหลักใช้ wordpress.com แทบไม่ต้อง optimize อะไรเลย มันเร็วตั้งแต่เกิดแล้ว

    ถ้าเราเขียนเก่ง แต่จะยากมากถ้าเราเขียนไม่เป็น AI ก็ช่วยเราไม่ได้ (Quality > Quantity)

    Website Builder อื่นๆที่คนนิยมใช้กัน เช่น ตาม toggle list ด้านล่าง

    • Wix
    • Webflow
    • Squarespace กำลังมาแรง Creators ต่างประเทศชอบกันมาก
    • Medium นิยมสำหรับเขียนบทความเช่นกัน แต่แอดว่าเรื่อง Customization กับ SEO สู้ WordPress ไม่ได้เลย 💕💕
    • Ghost สำหรับเขียน blog + newsletter

    10 Ways to Improve Your Writing Today

    1. Copy something – ถ้ายังไม่รู้จะเขียนอะไร ลอง Copy & Paste บทความที่เราชอบ มานั่งศึกษาว่าทำไมผู้เขียนถึง “เลือกใช้” คำและประโยคแบบนั้น

    2. Keep a journal – จดบันทึกความคิด ไอเดีย และเรื่องราวต่างๆที่เราเจอในแต่ละวัน รูปแบบการเขียน Journal ที่ดีที่สุด คือแบบที่เรา ”สร้าง” มันขึ้นมาเอง

    3. Talk about what you’re writing – เล่าให้คนอื่นฟังว่าเรากำลังเขียนอะไรอยู่ เพราะ “Knowledge is conversational” เพื่อนๆรอบตัวเราอาจมี Insights ที่ช่วยให้เราเขียนเรื่องนั้นดีขึ้นก็ได้

    4. Touch your toes – ออกกำลังกายก่อนเขียน อ่านไม่ผิด 555+ ให้เลือดสูบฉีด เอา Oxygen ไปเลี้ยงสมอง อะไรที่ดีกับหัวใจดีกับสมองเสมอ

    5. Do writing exercises – ฝึกเขียนด้วยเทคนิค ”Free Writing” คิดค้นโดย Peter Elbow ในปี 1973 เป็นการเขียนที่ปลดล็อคความคิด ไม่มีข้อจำกัดใดๆ เหมือนการ ”Warm Up” ก่อนเขียนงานหลักของเรา

    6. Organize your material – รวบรวมและจัดเรียงข้อมูลเพื่อสร้าง Story ที่เราอยากเล่า Gary แนะนำ “ให้เก็บมากกว่าที่เราจำเป็นต้องใช้” ยิ่งมี Input มากเท่าไหร่ เรายิ่งเขียนได้ง่ายขึ้นเท่านั้น

    7. Make a list – เขียนลิสต์สิ่งสำคัญที่เราอยากจะ Cover ในบทความ สร้าง Outline ง่ายๆ เช่น สิ่งที่เราอยากให้ผู้อ่านได้รับ Key Message, Questions และ Takeaways

    8. Picture a reader – นึกถึงหน้าผู้อ่านอยู่ตลอดเวลา นึกภาพเค้านั่งอ่านอยู่ข้างเรา อย่าใช้คำศัพท์ที่ทำให้เค้าหันมาถามเราว่า “ประโยคเมื่อกี้แปลว่าอะไร”

    9. Ask yourself why – ถ้าเราตอบไม่ได้ว่าเราจะเขียนงานนั้นไปเพื่ออะไร อย่าเสียเวลาเขียนเลย ทุกงานเขียนต้องมีหนึ่ง “Job to be done” เสมอ เช่น ทำให้คนหัวเราะ ซื้อของ ร้องไห้ หรือได้ความรู้ ฯลฯ

    10. Write a Strong Beginning คนจะกดอ่านหรือไม่อ่านบทความที่เราเขียน 99.99% อยู่ที่ชื่อ “Title” และ “Paragraph” ย่อหน้าแรก

    • เราออกแบบ Title หรือ Headline เพื่อทำให้คนหยุดอ่าน
    • ส่วน First Paragraph ทำให้เค้าอยากอ่านต่อ ย่อหน้าถัดๆไป
    • ถ้าเขียน Title ดีมาก แต่เนื้อหาข้างในไม่มีประโยชน์ใดๆ แบบนี้เรียก “Clickbait” อย่าหาทำ 555+

    แค่ใช้ 10 วิธีที่ อ. Gary สอน งานเขียนเราจะทรงพลังขึ้นทันที ในหนังสือมีอีก 90 วิธีรอให้ทุกคนไปศึกษาต่อ อยากเขียนเก่ง ต้องอ่านเลย หนังสือดีต้องมีติดเชลฟ์


    Four Eternal Markets

    • Eternal Markets คือตลาดที่ไม่มีวันดับและเป็นสิ่งที่คนเราจะสนใจไปตลอด

    AuthorRecommend book
    Gary Provost100 Ways to improve your writing (2019)
    Joao Batalheiro FerreiraWriting Is Not Magic, It’s Design (2024)
    William ZinsserOn Writing Well (2012)
    William ZinsserWriting to Learn (2013)
    Tiago ForteBuilding A Second Brain (2022)
    100 Ways to improve your writing

    On Writing Well ของ อ. William Zinsser คือที่สุด เรียกว่าระดับตำนานของแทร่ เขียนยังไง สไตล์ไหน ให้เข้าถึงใจผู้อ่าน เป็นเล่มที่คิดว่าต้องอ่านๆซ้ำ จะดีมากถ้าได้อ่านทุกปี

    • วิธีการเริ่มเขียนเบื้องต้นก็สามารถเริ่มได้จากการฝึกเขียนส่วนตัว แบบ Short form , Long form เปิดเว็บไซต์

    My Personal Workflow

    ใช้ database table เป็นอุปกรณ์พิเศษที่ช่วยในการจัดการว่ามี list อะไรสำคัญบ้าง เช่น Episode, Date, Tag, Content, URL, Status

    การมีอุปกรณ์ที่ดีในการช่วยเขียน สามารถช่วยให้เราเขียนงานได้ดีขึ้นหลายเท่า เช่น Notion เป็น software หลักในการสร้าง digital second brain ประยุกต์ใช้ CODE method รัวๆ

    TypeDefinition
    Episodeตอนที่, บทที่
    Dateวันที่
    Tagประเภทของบทความ
    Contentชื่อบทความหรือหนังสือ
    URLlink หนังสือหรือเว็บไซต์
    Statueสถานะว่าทำเสร็จหรือยัง

    A Very Normal Daily Routine

    ตารางชีวิตแอดทอยจะประมาณนี้ๆ มีคลาดเคลื่อนบ้างนิดหน่อย Cheat Day 555+

    • ตื่นนอน ช่วงตี 5-6 โมงเช้า
    • Review สิ่งที่ต้องทำในวันนั้น นั่งอ่าน content เขียน content เสร็จก่อน 9 โมง
    • ช่วง 9.00 – 16.00 น. ส่วนใหญ่ก็ standby ทำงานประจำ ไปสอนตามบริษัทต่างๆ
    • กินข้าว อาบน้ำ แต่ยังไม่นอน 🤣 555+
    • ช่วง 21.00 – เที่ยงคืน มีอ่านหนังสือต่อบ้าง ช่วงนี้เหมือนจะอ่านได้ทั้งเช้า ค่ำเลย ตั้งแต่ทำ PodDash เขียนมา 20 วันติดกัน สร้างนิสัยใหม่ เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตแล้ว
    • แนวทางที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้นของแอดทอย
    • แล้วควรอ่านหนังสือเยอะไหม? เอาจริงๆแค่วันละ 1 ชั่วโมงเอง ส่วนตัวคิดว่าไม่ได้อยู่ที่ชั่วโมงการอ่าน แต่อยู่ที่ว่าเรา “อ่านอะไร”
    • สิ่งที่เราเอาเข้าสมอง สำคัญมาก ต้องกรองเยอะๆ – You are what you read (& consume).

    วิธีการที่ดีคือ “อ่านหนังสือดีๆหนึ่งเล่ม > หนังสือไม่ดี 100 เล่ม” แต่คำว่าดี มันตีความได้ยาก แต่ละคนมีไม้บรรทัดไม่เท่ากัน เวลาจะซื้อหนังสือบน Amazon ควรสังเกต 2 สิ่งนี้

    1. เนื้อหาตอบโจทย์ชีวิตเรา ณ เวลานั้นๆหรือเปล่า
    2. Review บน Amazon ว่าหนังสือเล่มไหนมีคนรีวิวมั้ย

    หวังว่าความรู้สำหรับงานเขียนจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนครับ

    https://data-science-bootcamp1.teachable.com/courses/enrolled/2634403